E S B I คุณเป็นคนประเภทไหน ??
E (Employee) - ลูกจ้าง
|
B (Business Owner) - เจ้าของธุรกิจ
|
- รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน
- รายได้ตามตำแหน่งงานที่ได้รับมอบหมาย - นายจ้างเป็นผู้กำหนดวิถีชีวิตและเงินเดือนให้คุณ - ขาดอิสรภาพ ต้องเซ็นต์ชื่อ ตอกบัตร - ตกงานเท่ากับล้มละลาย - (ตกงาน 3 เดือน ไม่ต่างจากคนล้มละลาย) - อยู่ในวงจรหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ |
- มีทุน
- หาคนเก่งๆ มาทำงานให้ - ไม่ทำก็มีรายได้ B มีหลายประเภท เช่น - บริษัท - แฟรนไซน์ - การตลาดแบบเครือข่าย (เป็นช่องทางที่จะเป็นเจ้าของกิจการ ที่มีความเสี่ยงน้อย) |
S (Self-employed) - ทำธุรกิจส่วนตัว
|
I (Investor) - นักลงทุน
|
- ขายเวลาแลกกับเงิน จ้างตัวเองทำงาน
- ชอบคิดเองทำเอง, ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง - ขาดประสบการณ์ - เจอคู่แข่งที่มีทุนหนากว่า - อาจจะทนทำ เพราะชอบ อิสระ แต่ไม่มี อิสรภาพ |
- ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน
- มองผลตอบแทนจากการปันผล ดอกเบี้ย
- ซื้อกิจการมาปรับปรุง แล้วขายต่อ |
คนฝั่งซ้าย
|
คนฝั่งขวา
|
มี ความกลัว เป็นตัวขับเคลื่อน
(ไม่กล้าแม้แต่จะฝัน)
|
มี ความฝัน เป็นตัวขับเคลื่อน
(กล้าที่จะฝัน)
|
ยึดติดกับงานประจำ
|
พยายามสร้างงาน
|
รายได้จำกัด
|
รายได้ไม่จำกัด
|
ไม่มีเป้าหมายในชีวิต
|
มีเป้าหมายชัดเจน
|
มองเห็นอุปสรรค
|
มองเห็นโอกาส
|
ไม่เข้าใจคำว่า ทรัพย์สิน หนี้สิน
|
เข้าใจคำว่าทรัพย์สิน - หนี้สิน
|
ทำงานเพื่อเงิน
|
ใช้เงินทำงาน
|
คิดถึงความเสี่ยง
|
คิดถึงความน่าเสี่ยง
|
ยึดติดกับสิ่งเก่า
|
เรียนรู้สิ่งใหม่
|
ไม่มีแผนงาน
|
มีแผนงานชัดเจน
|
ดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง
|
มีที่ปรึกษา
|
ชอบออกความเห็น
|
ชอบหาความจริง
|
ชอบมีเงินสดเยอะๆ
|
ชอบมี กระแสเงินสด สม่ำเสมอ
|
ชอบแสดงตัวว่าเก่ง
|
ชอบมองหาคนเก่ง
|
ชอบวิธีการ
|
ชอบวิธีคิด
|
ชอบการเฉลี่ย (ขจัดความเสี่ยง)
|
ชอบการจดจ่อ (Focus)
|
ถูกระบบความคุม
|
ความคุมระบบ
|
เป็นส่วนหนึ่งของระบบ
|
เป็นเจ้าของระบบ
|
เรียนเพื่อประกาศนียบัตร
|
เรียนเพื่อหาความรู้
|
ทำงานเพื่อคนอื่น
|
สร้างงานเพื่อคนอื่น
|
อยากทำบุญแต่ไม่มีงบ
|
ทำบุญทุกครั้งที่มีโอกาส
|
** ลองมาสำรวจตัวเองดูได้นะค่ะ ว่าเรากำลังอยู่ฝั่งไหน แล้วอนาคตเราควรจะดำเนินชีวิตไปทางไหนถึงจะดี บางครั้งสิ่งที่เราเป็นอยู่อาจมองดูว่าดีแล้วอยู่แล้ว แต่หากเราสามารถเปิดใจรับฟังอะไรใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิตบ้าง มันอาจทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เราเป็นอาจดีอยู่แล้ว แต่อาจมีบางสิ่งที่ดีกว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่
ลองเอาหนังสือพ่อรวยสอนลูกไปอ่านดูดีไหม? เผื่อจะได้แง่คิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ดังตัวอย่างบางตอนที่เอามาให้ท่านลองอ่านดู
พ่อจน
|
พ่อรวย
|
ความรักเงิน เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย
|
การขาดเงิน เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย
|
คนรวยควรเสียภาษีมากๆ เพื่อช่วยคนจน
|
ภาษีทำโทษคนขยัน ให้รางวัลคนขี้เกียจ
|
เรียนมากๆจะได้ทำงาน บริษัทที่มั่นคง
|
เรียนมากๆ จะได้ซื้อบริษัทที่มั่นคง
|
พ่อไม่รวย เพราะพ่อมีลูก ห้ามพูดเรื่องเงินตอนทานข้าว
|
พ่อต้องรวย เพราะพ่อมีลูก ชอบคุยเรื่องเงินตอนทานข้าว
|
เรื่องเงินทองต้องปลอดภัยไว้ก่อน
|
ต้องรู้จักวิธีจัดการกับความเสี่ยง
|
บ้าน เป็นการลงทุนและทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุด ชำระหนี้เป็นอันดับแรก
|
บ้าน เป็นหนี้สินที่ใหญ่ที่สุดและไม่ใช่การลงทุน ชำระหนี้เป็นอันดับสุดท้าย
|
ประหยัดทุกบาททุกสตางค์เพื่อสะสมเงิน
|
ใช้ทุกบาททุกสตางค์เพื่อการลงทุน
|
สอนวิธีเขียนประวัติส่วนตัวอย่างไร จึงจะได้งานทำ
|
สอนวิธีเขียนแผนธุรกิจอย่างไร จึงจะสร้างงาน
|
ชาตินี้ ไม่มีวันรวยแน่
|
คนรวย เขาไม่ทำกันอย่างนั้นหรอก
|
เงิน ไม่ใช่สิ่งสำคัญ
|
เงิน คืออำนาจ
|
เรียน เพื่อทำงานให้ได้เงินเดือนสูงๆ
|
เรียน เพื่อรู้วิธีใช้เงินทำงานให้เรา
|
พ่อ ไม่ทำงานเพื่อเงิน
|
เงิน ทำงานให้พ่อ
|
คงต้องไตร่ตรองและใช้วิจารณญาณให้ดีว่า ตอนนี้ตัวเราเองมีฐานะที่ดีพร้อมหรือยัง
ถ้ายัง ? มีงานอะไรที่สามารถทำให้เรามีฐานะที่ดีขึ้นได้หรือไม่? ถ้าท่านไม่ได้คิดถึงตัวเอง ก็ลองย้อนไปมองคนที่เรารัก ว่าเขามีความสุขดีพอแล้วหรือยัง ถ้าคำตอบคือยัง ท่านคงต้องลองเปิดใจมองหางานอะไรบางอย่างเพื่อพวกเขาแล้วละ